
นพ.วิโรจน์ ตันติโกสุม
หลายคนอาจจะคิดว่า ผู้ที่มีอายุ50ปีขึ้นไป อาการปกติ แข็งแรง ขับถ่ายปกติ ก็ไม่น่าจะเป็นมะเร็งลำไส้
ความคิดนี้ ผิดครับ เพราะว่า โรคมะเร็งลำไส้มักจะพบในผู้ที่อายุ50ปีขึ้นไป ดังนั้น ใครที่อายุ50ปี ก็มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ทุกคน และการที่ คนกลุ่มนี้ ไม่ได้มีอาการผิดปกติ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็นมะเร็งลำไส้ เพราะ มะเร็งลำไส้ในระยะแรกก็จะไม่มีอาการผิดปกติแสดงออกมา
คนส่วนใหญ่ยังมองข้ามความสำคัญของการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในปัจจุบัน มีกลุ่มคนจำนวนมากที่เป็นมะเร็งลำไส้ระยะแรก ซึ่งลักษณะทั่วไป ของผู้ป่วยกลุ่มนี้ ก็จะดู แข็งแรงดี ไม่ได้มีอาการผิดปกติ แต่ ด้วยเหตุที่ ผู้ป่วยไม่ได้สนใจที่จะเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคนี้ เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี จนมะเร็งนี้เข้าสู่ระยะลุกลาม และก่ออาการผิดปกติแสดงออกมา ผู้ป่วยจึงมักจะเข้ามารับการตรวจรักษา เมื่อตนเองมีอาการผิดปกติ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น มะเร็งลำไส้ก็อยู่ในระยะลุกลามไปแล้ว การรักษาก็จะซับซ้อน โอกาสหายก็จะน้อย แต่ในทางกลับกัน ถ้าคนกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นมะเร็งลำไส้ระยะแรก และได้เข้ามารับการตรวจคัดกรองโดยที่ตนเองก็ยังไม่ได้มีอาการผิดปกติใดๆ คนกลุ่มนี้สามารถหายขาดจากมะเร็งได้ ถ้ามีการตรวจรักษา มะเร็งลำไส้ที่ยังอยู่ในระยะแรกด้วยการส่องกล้อง และตัดติ่งเนื้อ
การส่องกล้องและตัดติ่งเนื้อช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ได้อย่างไร?
ก่อนอื่น ผมขออธิบายกระบวนการเกิดมะเร็งลำไส้ตั้งแต่เริ่มแรก ให้ผู้อ่านเห็นภาพก่อนนะครับ
กระบวนการเกิดมะเร็งที่ผนังลำไส้
1. เซลล์ที่เยื่อบุภายในลำไส้ มีการเพิ่มจำนวนที่เร็วกว่าปกติ จนเกิดการหนาตัวหรือ เป็นติ่งเนื้อที่ผนังลำไส้ โดยที่ติ่งเนื้อเหล่านี้ส่วนใหญ่ 90% ไม่ได้เป็นเนื้อร้าย
2. ในเวลาต่อมาอีกกว่า10ปี เซลล์ในติ่งเนื้อบางส่วน (5-10%ของติ่งเนื้อทั้งหมด) ก็จะค่อยๆกลายเป็นเเซลล์มะเร็ง อยู่ในติ่งเนื้อนั้น
3. เนื้อมะเร็งนี้ก็จะค่อยๆขยายขนาดลุกลามเข้าไปในเนื้อผนังลำไส้
4. เนื้อมะเร็งลุกลามผ่านชั้นกล้ามเนื้อในผนังลำไส้ จนเข้ามายังต่อมน้ำเหลือง หรือ ท่อน้ำเหลือง หลอดเลือดที่อยู่รอบๆผนังลำไส้ จนเกิดการกระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตับ, ปอด, สมอง (ภาพที่1)
ภาพที่1 แสดงระยะของมะเร็งลำไส้

กระบวนการก่อตัวของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่วนมากก็จะเริ่มจากการเกิดติ่งเนื้อที่ผนังลำไส้ ติ่งเนื้อเหล่านี้ส่วนใหญ่ 90%ไม่ได้เป็นเนื้อร้าย แต่มีติ่งเนื้อ 5-10% ที่เป็นเนื้อร้าย และถึงแม้ว่าติ่งเนื้อส่วนใหญ่จะไม่ได้เป็นเนื้อร้ายแต่การปล่อยติ่งเนื้อเหล่านี้เอาใว้ โอกาสที่เซลล์ในติ่งเนื้อจะแปลงร่างเป็นเซลล์มะเร็งก็มี ดังนั้นการตัดติ่งเนื้อเหล่านี้ ให้มากที่สุด ไม่ว่าติ่งเนื้อนั้นจะเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ก็ตาม ก็จะช่วยลดการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้ ดังนั้นการส่องกล้องและตัดติ่งเนื้อจะมีประโยชน์ ดังนี้
1. ช่วยในการวินิจฉัยโรค การตัดติ่งเนื้อและนำติ่งเนื้อนี้ไปตรวจชิ้นเนื้อก็จะทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและบอกระยะโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
2. รักษาโรคมะเร็ง เพราะการตัดติ่งเนื้อที่เป็นเนื้อร้ายและยังอยู่ในระยะแรก เป็นการรักษาที่มีโอกาสหายขาดสูง
3. ป้องกันการเกิดมะเร็ง เพราะการตัดติ่งเนื้อ ที่ยังไม่ได้เป็นเนื้อร้าย ถูกตัดออกไป โอกาสที่จะเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ จึงลดลง
4.ลดอาการ ในบางคน ติ่งเนื้อ สามารถก่อให้เกิดการเสียเลือดทางอุจจาระแบบเรื้อรังได้ การตัดชิ้นเนื้อจึงช่วยลดอาการเหล่านี้
การตัดติ่งเนื้อทำอย่างไร?
เมื่อแพทย์ได้ทำการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ จนตรวจพบ ติ่งเนื้อที่ผนังลำไส้ (Polyp) สิ่งที่แพทย์จะทำต่อไปในขณะส่องกล้อง ก็คือ การคล้องติ่งเนื้อด้วยห่วงโลหะ ที่สอดผ่านเข้าไปตามกล้องส่อง (Polypectomy) แล้วจึงทำการตัดติ่งเนื้อนี้ เพื่อนำติ่งเนื้อนี้ออกไปตรวจหาลักษณะเนื้อมะเร็ง, การกระจายของเนื้อมะเร็ง (ภาพที่2)
ภาพที่2 แสดงขั้นตอนการตัดติ่งเนื้อขณะส่องกล้องลำไส้ใหญ่

การส่องกล้องและตัดติ่งเนื้อ จึงเป็นวิธีที่ มีประโยชน์ต่อ ผู้ป่วย ทำให้รู้ว่าตนเองนั้นเป็นโรคมะเร็งลำไส้ไหม, ได้รับการรักษาด้วยการตัดติ่งเนื้อร้าย และช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งเพราะติ่งเนื้อที่ยังไม่เป็นเนื้อร้ายถูกตัดออกไปแล้ว
ศูนย์ส่องกล้องทางเดินอาหาร
รพ.ธัญบุรี ปทุมธานี
นัดหมายโทร 0909250096