
นพ.วิโรจน์ ตันติโกสุม
ผู้ป่วยที่เป็น โรคมะเร็งลำไส้ ในระยะแรกมักจะไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งใน 4 อาการผิดปกติดังต่อไปนี้ ให้พึงระวังเอาใว้ว่าคุณอาจจะเป็นมะเร็งลำไส้
1 ลักษณะการขับถ่ายเปลี่ยนไป
ผู้ป่วยมีลักษณะการขับถ่ายที่เปลี่ยนไปจากเดิม เช่น บางวันถ่ายลำบาก หรือ ท้องผูก สลับกับ บางวันก็ ท้องเสีย ติดต่อกันเป็นเวลานาน, รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น, รู้สึกถ่ายไม่สุด, อุจจาระลีบเล็ก การมีอาการเหล่านี้ เป็นสัญญาณอันตรายที่คุณควรปรึกษาแพทย์
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอาการเหล่านี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นมะเร็งลำไส้ เสมอไป เพราะยังมีโรคอื่นอีกมากที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการแบบนี้ได้ เช่น โรคลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome, IBS) ซึ่งแพทย์มักจะใช้การตรวจอุจจาระ เช่น FIT test, การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ โดยที่ โรคลำไส้แปรปรวน หรือ IBS ก็มักจะไม่พบความผิดปกติจากการตรวจอุจจาระ หรือ จากการตรวจส่องกล้องลำไส้
2 เลือดปนมากับอุจจาระ
ตัวเนื้อมะเร็งที่ผนังลำไส้ จะมีหลอดเลือดมาเลี้ยงมากกว่าเนื้อลำไส้ปกติ ทำให้เกิดภาวะเลือดออกจากเนื้อมะเร็งได้ง่าย เกิดการเสียเลือดขณะอุจจาระ ลักษณะการเสียเลือดนี้ใน ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ อาจจะมองเห็นเลือดด้วยตาเปล่า หรือ อาจจะมองไม่เห็นเลือดขณะอุจจาระ แต่ต้องใช้การตรวจหาเลือดในอุจจาระ เช่น FIT test ในการพิสูจน์ว่ามีการเสียเลือดทางลำไส้ นอกจากนี้ การที่ร่างกายมีการสูญเสียเลือดในระยะยาวแบบนี้ ผู้ป่วยก็มักจะมี อาการซีดเรื้อรัง, เหนื่อยง่ายผิดปกติ , อ่อนเพลีย ตลอดเวลา พักแล้วอาการอ่อนเพลียก็ไม่ดีขึ้น
สาเหตุของการมีเลือดขณะขับถ่าย นอกจากมะเร็งลำไส้ ก็อาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น ได้ ไม่ว่าจะเป็น ริดสีดวงทวาร, แผลฉีกขาดที่รูทวาร ซึ่งการสังเกตุเบื้องต้น ก็อาจจะพอช่วยบอกสาเหตุการมีเลือดออกขณะขับถ่ายได้ เช่น
ลักษณะ เลือดหยดตามมากับอุจจาระ ไม่ได้ปนมากับอุจจาระ สาเหตุก็อาจจะมาจากริดสีดวง, หรือมีแผลฉีกขาดที่รูทวาร
ลักษณะ เลือดปนอยู่ในอุจจาระ ก็มักจะเกิดจากการผิดปกติในลำใส้ใหญ่ เช่นมะเร็งลำไส้ใหญ่
ลักษณะเป็นเลือดสีดำเข้ม ที่เรียกว่า ถ่ายดำ ก็อาจจะเกิดจากการมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร
การมีเลือดออกขณะขับถ่าย ถือว่าเป็นอีกสัญญาณอันตราย ที่ผู้ป่วยต้องรีบพบแพทย์ เพื่อวางแผนการตรวจ
3 รู้สึกไม่สบายท้อง หรือคลำได้ก้อนในห้อง
ในระยะที่เนื้อมะเร็งในลำไส้ที่มีขนาดก้อนที่โตขึ้น ก็จะทำให้ระบบการเคลื่อนไหวของลำไส้ ผิดปกติ, เกิดการกีดขวางทางเดินอาหารในลำไส้ เช่น ลำไส้อุดตัน, รู้สึกแน่นอืดท้อง หรือ ปวดท้องบีบเกร็ง, คลำได้ก้อนในท้อง, ท้องผูกไม่ผายลม
4 น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ ที่แสดงอาการ ผอมลง โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ มักจะเป็นมะเร็งที่อยู่ในระยะลุกลาม
อาการทั้ง4ข้อที่เล่ามานี้ สามารถพบได้ทั้งในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ หรือ โรคอื่นๆ อีกมากมาย แพทย์จึงมิได้ใช้ อาการผิดปกติเหล่านี้ อย่างเดียว ในการวินิจฉัยโรคมะเร็งลำไส้ แพทย์จะมีวิธีการตรวจ เพื่อ ใช้ วินิจฉัยโรค เช่น ตรวจอุจจาระ FIT test, ส่องกล้องลำไส้ใหญ่, เอกซ์เรย์แบบกลืนแป้ง, เอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ที่ลำไส้
สิ่งที่น่ากังวลสำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ที่เพิ่งจะได้รับการตรวจ ในระยะที่มีอาการแล้ว ซึ่งในระยะนี้มักจะเป็นระยะที่ ตัวโรคมะเร็งที่มีการลุกลามมากแล้ว ทำให้การรักษามีความซับซ้อนมาก โอกาสเสียชีวิตก็จะสูง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การรอให้มีอาการผิดปกติทางลำไส้ แล้วจึงค่อยมารับการตรวจ ถือว่า เป็นการตรวจพบที่ล่าช้า ไม่ทันการณ์
ดังนั้น การส่องกล้องตรวจสุขภาพลำไส้ในผู้ที่อายุ50ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง ถึงแม้จะยังไม่มีอาการก็ตาม เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาผู้ป่วยให้หายขาดจากมะเร็งลำไส้
ศูนย์ส่องกล้องทางเดินอาหาร
รพ.ธัญบุรี ปทุมธานี
นัดหมายส่องกล้อง 0909250096